วันอังคารที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2559

วีณาถูณชาดก-ชาดกว่าด้วยเรื่องรักคนผิด

วีณาถูณชาดก-ชาดกว่าด้วยเรื่องรักคนผิด


ธิดาสาวบุตรของเศรษฐีมีความงดงามกว่าหญิงใดในหมู่บ้าน


   ณ บ้านเศรษฐีแห่งหนึ่งในกรุงสาวัตถี ผู้เป็นธิดาได้เจริญวัยเข้าสู่วัยสาว มีรูปโฉมงดงามยิ่งกว่าใครๆ ในหมู่บ้าน ล้วนเป็นที่หมายปองของชายที่พบเห็น
มีชายมากมายมาสู่ขอธิดาผู้นี้จากเศรษฐี แต่ท่านก็ไม่ได้ยกให้ใคร เนื่องจากไม่มีใครเป็นที่ถูกใจของธิดาผู้นี้เลย 
     “ท่านเศรษฐี ยกธิดาผู้นี้ให้กระผมเถอะ กระผมจะดูแลทะนุถนอมน้องนางเป็นอย่างดี ไม่ต้องให้ท่านเศรษฐีเป็นห่วงเลย” “ลูกเอ๋ย มีชายมากมายมาสู่ขอเจ้า
เจ้าจะเลือกคนไหนเป็นคู่ครองเล่า” “เรื่องนี้ ลูกให้พ่อกับแม่ตัดสินใจเถิดจ๊ะ”
     เมื่อบุตรสาวยกให้บิดาเป็นผู้ตัดสินใจเลือกคู่ครอง เศรษฐีจึงได้เลือกบุตรชายเศรษฐีคนหนึ่งเป็นคู่ครองบุตรสาว เมื่อถึงวันใกล้แต่งงานได้มีการนำโคอุสภราช
มาตกแต่งด้วยเครื่องสักการะ เมื่อธิดาสาวเห็นดังนั้นก็เกิดความสงสัย 
     “แน่ะแม่ นั่นชื่ออะไรนะ จึงได้เครื่องสักการะอย่างนี้” “ชื่อโคอุสภราช จ๊ะ คุณหนูดูที่หลังโคนี่สิจ๊ะ มันใหญ่และนูนกว่าโคตัวใดๆ ” “ถ้าอย่างนั้นโคตัวนี้คงเป็นใหญ่
กว่าโคตัวอื่นๆ ใช่ไหมจ๊ะ จึงได้ถูกเลือกให้เป็นโคอุสภราช”
     ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาธิดาเศรษฐีก็เข้าใจว่า โคที่มีหลังโค้งนูนกว่าตัวอื่นๆ คือโคที่เป็นใหญ่ “โคที่เป็นใหญ่ในหมู่โค ย่อมมีโหนกที่หลัง ถ้าอย่างนั้น
ชายคนที่เป็นใหญ่กว่าใครๆ ที่หลังของเขาก็คงต้องมีโหนกด้วยสินะ”
     วันหนึ่งขณะที่หญิงสาวลูกเศรษฐีกำลังเดินดูของในตลาดกับพี่เลี้ยงอยู่นั้น ก็ได้บังเอิญเจอกับชายหลังค่อม พลันธิดาสาวก็รู้สึกถูกใจชายคนนี้มากมาย
“เอ๊ะนั้น ที่หลังของชายคนนั้นมีโหนกนูนขึ้นมานี่นา บุรุษผู้นี้ คงเป็นบุรุษอุสภราชเป็นแน่ เราควรเป็นบาทบริจาริกาของบุรุษนี้”
     คิดได้ดังนั้นนางจึงได้วางแผนหนีตามชายคนนี้ไป จึงใช้ทาสีไปบอกแก่ชายค่อมว่า “นี่นาย ธิดาเศรษฐีคนนั้น เขาเกิดใจรักคิดอยากจะไปกับท่าน
ท่านจงไปรออยู่ ณ ที่ท้ายหมู่บ้านในกลางดึกคืนนี้เถิด นางจะหนีไปกับท่าน”
     “โอ้ ช่างเป็นบุญของเรายิ่งนัก ธิดาสาวคนนั้นช่างรูปโฉมงดงามยิ่งนัก ชายอย่างเราแม้แต่หญิงขี้ริ้วขี้เร่ก็ยังรังเกียจ แต่ธิดานางนี้ทั้งรูปโฉมและฐานะก็ดี
กลับมาช่วยตัวเรา เราปฏิเสธก็คงโง่เต็มที”
     แล้วกลางดึกคืนนั้นธิดาสาวก็ถือเอาของมีค่าใส่ห่อผ้า แล้วปลอมตัวไม่ให้ใครรู้จัก ลงจากปราสาทหนีไปกับชายค่อมนั่น “รีบไปกันเถอะจ๊ะพี่ เดี๋ยวจะมีคนมาเห็นซะก่อน”
“ได้สิจ๊ะ รีบเดินตามพี่มาทางนี้เลยจ๊ะ จากนี้พี่จะอยู่เป็นคู่น้องเอง”
     รุ่งเช้าเมื่อเศรษฐีและภรรยา รู้ว่าลูกสาวของตัวเอง หนีไปกับชายหลังค่อม ก็เสียใจ ต่อมาการกระทำของธิดาเศรษฐีนั้น ได้ปรากฏกันในนครและหมู่ภิกษุ
“โฮ่ๆๆ ลูกของพ่อ ทำไมเจ้าถึงได้คิดสั้นอย่างนี้ ชายค่อมคนนั้นจะดูแลเจ้าได้อย่างไรกัน โอ้ไม่น่าเลยลูกของเรา”
     ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรม ยกเอาเรื่องธิดาของเศรษฐีหนีไปกับชายหลังค่อมด้วยความรู้เท่าไม่ถึงกาล เมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบถึงเรื่องที่ถกกัน จึงตรัสว่า
“ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธิดาเศรษฐีนี้ มิใช่ปรารถนาชายค่อมในบัดนี้เท่านั้น แม้เมื่อก่อนก็ปรารถนาเหมือนกัน”
     แล้วพระองค์ก็ทรงนำเรื่องอดีตมาตรัสเล่า ดังต่อไปนี้ ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสีในตระกูลเศรษฐีตำบลหนึ่ง
เศรษฐีผู้นี้มีธิดาที่รูปงดงาม นางเป็นที่รักและหวงแหนของภรรยามาก
     “ลูกเอ๋ย ตอนนี้เจ้าก็โตเป็นสาวเต็มตัวแล้ว คงถึงเวลาแล้วที่เจ้าจะมีคู่ครองดีๆ สักคนหนึ่ง” “แหมพ่อจ๊ะ อย่าเพิ่งขับไล่ลูก ให้ออกจากออกไปจากอกของพ่อกับแม่อย่างนั้นเลย
ลูกอยากอยู่รับใช้ปรนนิบัติพ่อกับแม่ อยู่ด้วยกันแบบนี้ไปตลอดไม่ได้หรอจ๊ะ”
     บุตรตรีเศรษฐีเมื่อเจริญวัยเป็นสาวเต็มตัว ผิวพรรณผุดผ่องน่าตางดงาม รวมทั้งฐานะร่ำรวยเป็นที่หนึ่งในหมู่บ้าน ด้วยเหตุนี้นางจึงเป็นที่หมายปองของชายโสด
ที่ได้พบเห็นทั่วพาราณสี “โอ้โห หญิงสาวนางนั่นเป็นลูกเศรษฐีสินะ ช่างงดงามดังคำร่ำลือจริงๆ แค่เห็นเท่านั้นใจเรายังเต้นไม่เป็นจังหวะเลย หากได้ครองรักกัน
จะมีความสุขเพียงใดนะ” ด้วยรูปโฉมและฐานะ จึงทำให้มีบุตรเศรษฐีมากมาย เพียรหมั่นมาสู่ขอ แต่ละคนล้วนขนข้างของเงินทองมากมายมาเป็นสินสอด แต่ก็ไม่มีใครที่ได้สมรักธิดาสาวเศรษฐีผู้นี้เลย
“ท่านเศรษฐีได้โปรดยกลูกสาวของท่านให้กับเราได้ดูแลเถิด ตั้งแต่เราได้พบกับนาง เกิดความรักขึ้นเต็มหัวใจ เราจะดูแลน้องนางเป็นอย่างดี ไม่ทำให้ท่านผิดหวังได้เลยนะท่านเศรษฐี”
     “มีคนมาสู่ขอลูกมากมาย ลูกจะเลือกใครเล่า” “ลูกไม่รู้หรอกจ๊ะ เรื่องนี้แล้วแต่ท่านพ่อกับท่านแม่เถิดจ๊ะ” เมื่อลูกสาวไม่พอใจชายคนไหนเลย จึงเป็นธุระของเศรษฐีกับภรรยา
ที่ต้องคัดเลือกชายที่เหมาะสมกับลูกสาวตัวเอง “เจ้าว่าเราจะเลือกผู้ชายคนไหนดี แต่ละคนก็ล้วนภูมิฐาน มีฐานะแล้วก็มีความรู้กันหมดเลย” “น้องว่าเลือกชายคนนั้นเถิด
เขาดูเป็นผู้ใหญ่ แถมมีฐานะมั่นคงด้วย คงเลี้ยงลูกเราให้มีความสุขได้ 
     เศรษฐีและภรรยาได้เลือกชายคนหนึ่งในกลุ่มที่มาสู่ขอนั้น ให้แต่งงานกับลูกสาวของตน ด้วยเห็นเป็นผู้มีความคิดดีประพฤติดี และมีฐานะการงานที่มั่นคง
เมื่อเลือกชายที่จะมาเป็นคู่ครองของบุตรสาวได้แล้ว จึงได้ตกลงปรึกษากันถึงการแต่งงาน เมื่อกำหนดวันกันแล้ว ธิดาเศรษฐีก็เห็นเครื่องสักการะสมณะ
ของโคอุสภราชที่เรือนของตน ก็แปลกใจ
                “สัตว์ตัวนี้ชื่ออะไรเหรอจ๊ะ” “โคอุสภราชค่ะ คุณหนู” “โคตัวนี้ถูกยกให้เป็นโอุสถราช นั่นก็คงเป็นเพราะว่า โหนกที่สูงนูนออกมานั่นนะสินะ ดูสิเมื่อได้เป็นโคอุสภราชโคตัวนี้ก็ได้ตกแต่งสวยงาม สง่างามกว่าโคตัวใดๆ” วันหนึ่งในขณะที่ธิดาเศรษฐีเดินดูของในตลาดกับพี่เลี้ยงนั้น พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นชายหลังค่อมที่เดินอยู่อีกฝากของตลาด “เอ๊ะนั่น ชายคนนั้นมีหลังโหนกนูเหมือนโคอุสภราชเลยนี่นา ชายคนนี้คงเป็นบุรุษอุสภราชสินะ หากเราได้ครองรักกับชายคนนี้เราคงจะมีความสุขแน่ๆ” 
     ธิดาเศรษฐีคิดได้ดังนั้นจึงได้วางแผนนัดแนะชายหลังค่อมให้หนีไปด้วยกัน “นี่แหนะเจ้าคนหลังค่อม ธิดาเศรษฐีคนโน้นเค้าอยากหนีไปกับเจ้า นางบอกให้เจ้า
ไปรอที่ท้ายหมู่บ้านคืนนี้” “อะไรนะ ท่านพูดว่าอะไรหญิงสาวคนนั้นนะเหรอถูกใจเรา โอ้ นี่คงเป็นบุญของเราละสิ ธิดาเศรษฐีผู้เลิศเลอ โฉมงามมาหลงรักเราเช่นนี้
เรารึ จะปฏิเสธนางไปก็คงบ้าแล้ว ท่านจงไปบอกนางเถิดว่า เราจะรอนาง ให้นางมาครองรักกับเราเถิด”
     กลางดึกคืนนั้น เมื่อเห็นว่าพ่อกับแม่และคนรับใช้หลับกันหมดแล้ว ธิดาเศรษฐีก็แอบปีนลงมาจากหน้าต่าง ถือถุงผ้าที่แอบใส่ข้าวของเงินทองไว้ แล้วแต่งกาย
ปลอมตัวเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาเพื่อไม่ให้ใครจำได้ “แต่งตัวอย่างนี้ คงไม่มีใครจำเราได้สินะ คืนนี้ เราจะได้ไปกับบุรุษอุสกราชแล้ว ดีใจจังเลย จะมีหญิงสักกี่คนนะ
ที่โชคดีอย่างเรานะ” “น้องรักของพี่ หนีออกมาหาพี่จริงๆ ด้วย นี่พี่ฝันไปรึนี่”
     “ไม่ได้ฝันไปหรอกจ๊ะ น้องจะได้ไปกับพี่จริงๆ เรารีบไปกันเถอะจ๊ะ เดี๋ยวพ่อกับแม่จะตื่น แล้วก็ตามมาทันซะก่อน” ชายหลังค่อมกับลูกเศรษฐี เดินทางฝ่าลมหนาวในคืน
ที่หนาวเหน็บลมที่พัดแรง ทำให้ทั้งสองหนาวสั่น ลูกสาวเศรษฐีได้พบกับความลำบากเป็นครั้งแรก ชีวิตไม่ได้มีความสุขดังที่เธอคิดไว้ “พี่จ๊ะ ทำไมมันหนาวเหลือเกิน
แล้วเราต้องเดินไปอีกไกลแค่ไหนละจ๊ะ น้องเมื่อยแล้วนะ หนาวด้วย” “ทนเอาเถิดน้องเอ๋ย อีกประเดี๋ยวก็คงจะเจอที่ที่เราจะพักได้”
     ทั้งคู่นั้นเดินทางกันตลอดคืน ครั้งนั้นชายค่อมซึ่งถูกความหนาวเบียดเบียนตลอดคืน ได้เกิดโรคลมกำเริบขึ้นในร่างกายเดินไปแทบจะไม่ไหว ฝ่ายลูกสาวเศรษฐี
ก็ได้แต่ร้องไห้กับความลำบาก แถมชายที่เธอคิดว่าเป็นบุรุษอุสกราชก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเธอได้เลย “ฮือๆๆ พี่เป็นอะไรไป น้องหนาวเหลือเกิน เดินต่อไป
ไม่ไหวแล้ว ฮือๆๆๆ”
     รุ่งเช้าเศรษฐีและภรรยาเมื่อรู้ว่าลูกสาวหนีไป ก็ตกใจสั่งให้คนใช้ในบ้านไปสืบข่าวคราว เมื่อรู้ว่าหนีไปพร้อมกับชายหลังค่อม ก็รีบออกตามหาพร้อมกับบริวาร “โธ่ ลูกของพ่อ
นี่เจ้าหนีไปไหนกันนะ ทำไมเจ้าถึงทำอย่างนี้” “ลูกแม่ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ อากาศหนาวออกอย่างนี้  เจ้าจะทนความหนาวได้อย่างไรกัน” ชายหลังค่อมเกิดทุกขเวทนา
สาหัส ล้มตัวลงนอนบนผืนหญ้าข้างทาง ขดตัวนอนหนาวสั่น ส่วนธิดาเศรษฐีก็นั่งอยู่ใกล้เท้าของเขา นั่งร้องไห้
ลูกสาวเศรษฐีได้แต่งงานและครองรักกับชายหนุ่มที่พ่อแม่ได้เลือกไว้ให้
ลูกสาวเศรษฐีได้แต่งงานและครองรักกับชายหนุ่มที่พ่อแม่ได้เลือกไว้ให้
   
     “เราไม่น่าหนีพ่อกับแม่ มากับชายผู้นี้เลย หนาวก็หนาว เดินจนปวดขาไปหมดแล้ว ดูสิ ชายคนนี้ก็ช่วยเหลืออะไรเราไม่ได้เลย” เมื่อเศรษฐีตามมาจนพบลูกสาว เขาดีใจมาก
รีบเข้าไปกอดลูกสาว เอาผ้าห่มมาห่อตัวลูกสาวไว้ปลอบประโลมจนลูกสาวดีขึ้น จึงไต่ถามเรื่องราว “ลูกเอ๋ย ทำไมเจ้าจึงหนีมากับชายผู้นี้ล่ะ” “พ่อจ๋า ลูกคิดว่าบุรุษผู้นี้
คืออุสภราชจึงหนีมากับเขา” “เรื่องนี้เจ้าคิดเองคนเดียว บุรุษเตี้ยค่อมผู้โง่เขลานี้ จะนำทางชีวิตเจ้าได้อย่างไรกัน ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเขาคือบุรุษอุสภราชกันละ”
“ลูกเห็นโคอุสภราชตัวหนึ่ง ก็คิดว่าโคเป็นใหญ่กว่าโคทั้งหลาย มีโหนกที่หลัง แม้บุรุษก็มีโหนกที่หลังนั้น คงจะเป็นบุรุษอุสภราช ลูกเข้าใจว่า ชายค่อมเป็นบุรุษอุสภราช
ก็จึงรักใคร่ แต่บัดนี้ชายค่อมผู้นี้นอนตัวงออยู่เหมือนคันพิณที่สายขาดแต่มีร่าง”
     ครั้งนั้นเศรษฐีพาลูกสาวกลับบ้าน และให้แต่งงานกับชายที่ตัวเองเลือกไว้ ธิดาสาวจึงได้ใช้ชีวิตอยู่กับคู่ครองอย่างมีความสุขสืบมา พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนา
นี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า
ธิดาเศรษฐีในครั้งนั้น ได้เป็น ธิดาเศรษฐีในครั้งนี้
ส่วนพระราชากรุงพาราณสี เสวยพระชาติเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า




อ้างอิง http://www.dmc.tv/pages/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81/%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81-%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B9%E0%B8%93%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%81.html












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น